นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานอีกทั้งโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่ง ไทย (ส.อ.ท.) แจ้งว่า ปี 64 คาดว่า ยอดจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้า หรือรถอีวี จะมีประมาณ 6,000 คัน เพิ่มขึ้น 188% เทียบกับปี 63 ที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 2,079 คัน โดยแนวโน้มรถยนต์ไฟฟ้าโดยรวม จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดติดต่อกันแน่นอน เนื่องจากเริ่มมีค่ายรถนำยานยนต์ไฟฟ้าราคาน้อยกว่า 1 ล้านบาท หรือ 1 ล้านบาทต้น ๆ มาจำหน่ายมากขึ้น เช่น ค่ายเอ็มจี, นิสสัน ลีฟ
เกรท วอลล์ ประกาศเปิดตัวขายรถพลังงานไฟฟ้าในไทย
พร้อมด้วยปัจจุบันค่ายเกรท วอลล์ ประกาศเปิดตัวขายรถพลังงานไฟฟ้าในไทย จากเมื่อก่อนราคายานยนต์ไฟฟ้า ยังอยู่ระดับสูงประมาณคันละ 3-5 ล้านบาท เป็นปัจจัยหลักในการเร่งให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
ปัจจัยหลักที่จะทำให้ความต้องการยานยนต์ปรับตัวสูงขึ้น
โดยปัจจัยหลักที่จะทำให้ความต้องการยานยนต์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด คือ รถยนต์เริ่มมีให้เลือกมากขึ้นและราคาถูกลง, สถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี ชาร์จจิ้ง (EV Charging Station) มีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งรัฐให้การส่งเสริมอย่างจริงจัง สอดรับกับทิศทางยานยนต์โลก ทางฝั่งยุโรป และญี่ปุ่น บอกกล่าวปี 79 รถที่ใช้พลังงานน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงจะหมดไป ฝั่งจีนหมายประกาศปี 78 ขณะที่ไทยบอกกล่าวปี 79 จะมียานยนต์ไฟฟ้าสัดส่วนประมาณ 30%
โดยปี 64 คาดว่า จะมีอัตราการเติบโตสม่ำเสมอ ประกอบกับปีนี้ จะมีค่ายรถยนต์ที่ได้ขอผักดันการลงทุนกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เริ่มทยอยผลิตออกมา รวมทั้งป่าวประกาศอัตราค่าบริการไฟฟ้าที่ขายให้กับปั๊มชาร์จ (ขายส่ง) อยู่ที่ 2.63 บาทต่อหน่วย ช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการทำสถานีชาร์จไฟฟ้าแพร่หลายขึ้น และรัฐบาลควรส่งเสริมงบในการเปลี่ยนรถใหม่มาสู่ยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
ยอดขายยานยนต์ไฟฟ้า
ยอดขายยานยนต์ไฟฟ้า 2,079 คัน เป็นความต้องการของผู้บริโภคที่มีเงิน ปรารถนาลอง Technology ใหม่ๆ เป็นรถคันที่ 3-4 ฉะนั้นต่อไปถ้าภาครัฐ หรือ 3 การไฟฟ้า ช่วยเหลือติดตั้งสถานีเติมไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า หรือปั๊มชาร์จทุก 75 กิโลเมตร หรือเอกชนระบุว่า จะทำปั๊มชาร์จทุก 50 กม. ประกอบกับราคายานยนต์ไฟฟ้าถูกลง ยิ่งถ้าต่ำกว่า 8 แสนบาท มั่นใจว่าจะทำให้ความปรารถนาซื้อรถอีวียิ่งโตแบบก้าวกระโดด ปี 65 คาดว่า จะเกินหมื่นคันแน่นอน
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ปรารถนาให้รัฐให้ความรู้ในการใช้ยานยนต์อีวีมากขึ้น นอกเหนือจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอแล้ว โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจ อาทิ การติดตั้งชาร์จจิ้งในบ้านที่อยู่อาศัย สายไฟฟ้ารองรับได้หรือไม่ ซึ่งควรให้การไฟฟ้าเข้ามาตรวจสอบ